เรียนต่อมัธยมที่อังกฤษ – UK Boarding Schools

ทำไมต้องไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยมในอังกฤษหรือโรงเรียนประจำในอังกฤษ?

ประเทศอังกฤษถือเป็นประเทศต้นแบบของการศึกษาในหลายๆประเทศทั่วโลก เป็นเหตุผลที่ทำให้การเรียนมัธยมที่อังกฤษ เป็นตัวเลือกแรกๆที่ได้รับความสนใจทั้งจากผู้ปกครองและนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนประจำในประเทศนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา หรือแม้แต่สวิสเซอร์แลนด์ ก็ล้วนได้ต้นแบบมาจากรูปแบบโรงเรียนประจำในอังกฤษ ซึ่งเน้นไปที่การสร้างเด็กและเยาวชนโดยพื้นฐานของการให้เกียรติ ระเบียบวินัย การนับถือผู้อาวุโสกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถือว่ามีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ปกครองที่มีงบประมาณที่เพียงพอ และให้ความสนใจเรื่องของวิชาการ และระเบียบวินัยให้กับบุตรหลานเป็นสำคัญ จึงสนใจและนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศอังกฤษ

หากผู้ปกครองมีเป้าหมายในการให้บุตรหลานของท่านได้เรียนรู้ระเบียบวินัย เล่นกีฬา ทำกิจกรรม ไปพร้อมๆ กับความเข้มข้นทางด้านวิชาการแล้ว ประเทศอังกฤษถือเป็นประเทศที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในการส่งเด็กนักเรียนไทยไปเรียนต่อมัธยมในต่างประเทศ

การเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนมัธยมที่อังกฤษ - โรงเรียนประจำในอังกฤษ

  1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรและระบบการเรียนมัธยมของประเทศอังกฤษ ควรเข้าใจว่า GCSE/ A Level คืออะไร ต้องเรียนจำนวนทั้งสิ้นกี่วิชา วิชาอะไรบ้าง โดยสามารถดูวีดีโอคลิปที่จัดทำขึ้นด้านล่าง
  2. สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการออกแบบ และเตรียมตัวนักเรียนก่อนเดินทางไปเรียนมัธยมที่ประเทศอังกฤษ
  3. การเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ ในปัจจุบัน นักเรียนไทยมักมีระดับภาษาอังกฤษที่สามารถฟังและพูดในชีวิตประจำวันได้ อย่างไรก็ตาม การไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษนั้น นักเรียนควรจะต้องเตรียมความพร้อมทางด้าน Academic English ทั้งเรื่องของการฟัง พูด อ่าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ Academic Writing โดยผู้ปกครองสามารถจัดหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติที่เมืองไทย
  4. เตรียมความพร้อมทางด้านวิชาการ หากไม่ได้เรียนในระบบอังกฤษอยู่แล้ว น้องๆ ควรหาข้อสอบเก่าของแต่ละวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเลข ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์เพื่อลองมาฝึกทำดู อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถทำได้ หรือไม่เข้าใจ แนะนำให้สอบถามกับถาม GENT เพื่อช่วยจัดหารติวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเดินทางไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษ ควรใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการเตรียมตัว
  5. เตรียมความพร้อมทางด้านระเบียบวินัย และการเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากการไปเรียนมัธยมในอังกฤษส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนในโรงเรียนประจำ ทั้งนี้ ผู้ปกครองอาจส่งน้องไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอังกฤษ โดยอาจะเป็นการเรียนเพียงแค่ Study Tour English Program หรือเป็นการเรียน Academic Program ซึ่งผู้ปกครองสามารถสอบถามข้อมูลได้กับทาง GENT ในการช่วยวางแผนก่อนเดินทางไปเรียนมัธยมที่ประเทศอังกฤษผู้ปกครองบางท่านอาจมองว่าการไปซัมเมอร์ต่างประเทศเป็นเพียงการไปเที่ยวสำหรับนักเรียนช่วงปิดเทอม อย่างไรก็ตาม หากผู้ปกครองมีแพลนที่จะส่งน้องไปเรียนมัธยมที่ต่างประเทศแล้ว การเลือกโปรแกรมซัมเมอร์ที่ถูกจัดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ มีกรุ๊ปลีดเดอร์ที่มีความเข้าใจและมีประสบการณ์ จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมนักเรียนไม่เพียงแต่การได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แต่จะเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสังคม การเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต และการเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษ (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมซัมเมอร์ที่น่าสนใจได้ที่นี่ Click here)

เรียนต่อมัธยมที่อังกฤษมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

การไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษนั้น กว่าร้อยละ 80 ของเด็กนักเรียนต่างชาติในระดับชั้นมัธยมจะต้องเรียนในโรงเรียนประจำเท่านั้นและสามารถเรียนได้ในโรงเรียนเอกชนเท่านั้น มีเพียงบางโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนประเภท International School หรือบางโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (College) ที่นักเรียนอาจจะมีตัวเลือกในการพักกับโฮสต์แฟมิลี่ นอกจากค่าเรียนและค่าที่พักแล้ว โรงเรียนในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ยังต้องการให้ทางผู้ปกครอง (หรือเอเจนซี่) ทำการจัดหา Guardian ผู้ซึ่งเสมือนเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่ประเทศอังกฤษ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่ออังกฤษในระดับมัธยมนั้นค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ โดยเราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับการเรียนในโรงเรียนประเทศอังกฤษออกมาได้ดังนี้

  1. ค่าเรียนและค่าที่พัก (Tuition and Boarding Fee) ในปัจจุบัน ค่าเรียนและค่าที่พักของโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษนั้น จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 9,000 - 13,000 ปอนด์ต่อเทอม ซึ่งโรงเรียนมัธยมในประเทศอังกฤษจะมีการเรียนการสอนทั้งสิ้น 3 เทอมการศึกษา ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อปี จะอยู่ที่ประมาณ 27,000 - 39,000 ปอนด์ต่อปี (ชั้นปีที่ต่ำกว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า) โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้จะรวมค่าเรียน ค่าที่พัก และค่าอาหารครบทุกมื้อ
  2. Guardian Fee การ์เดี้ยนมีหน้าที่เสมือนเป็นผู้ปกครองที่ดูแลนักเรียนและเป็นตัวแทนผู้ปกครองหากโรงเรียนมีการจัดประชุมหรือต้องการพบ นอกจากนั้นแล้ว การ์เดี้ยนยังมีหน้าที่ในการจัดหาที่พักหรือโฮสต์แฟมิลี่ในช่วงที่หอพักของโรงเรียนปิด ซึ่งค่า Guardian Fee จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 - 2,000 ปอนด์ต่อปี
  3. Host Family Fee: นอกจากค่า Guardian Fee ที่ผู้ปกครองต้องเตรียมเอาไว้แล้ว จะต้องเตรียมงบส่วนหนึ่งสำหรับค่าที่พักของนักเรียนในช่วงที่ทางโรงเรียนปิดเทอมและไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทย อาทิ ช่วง Exeat Weekend, Half Term, End of Term ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 50 ปอนด์ต่อคืน จำนวนทั้งสิ้นอย่างน้อย 30 วันต่อปีการศึกษา
  4. ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อาทิเช่น Uniform, Exam Fee, Deposit Fee, ค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น

โดยสรุปแล้ว ผู้ปกครองควรมีงบประมาณอย่างน้อย 35,000 - 45,000 ปอนด์ต่อ 1 ปีการศึกษา สำหรับการส่งบุตรหลานไปเรียนมัธยมที่อังกฤษ

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษและข้อมูลการเรียนต่อมัธยมประเทศอังกฤษ

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ

สำหรับท่านผู้ปกครองหรือน้องๆนักเรียนที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการไป เรียนต่อในประเทศอังกฤษ , เรียนต่อมัธยมอังกฤษ ทาง GENT ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ และรายชื่อโรงเรียนในอังกฤษ เพื่อให้น้องๆและผู้ปกครอง มีความเข้าใจมากขึ้น ก่อนตัดสินใจไป “เรียนต่ออังกฤษ”

ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษนั้นถือได้ว่ามีระบบการศึกษาที่แตกต่างจากระบบของประเทศไทยพอสมควร โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ตอนได้แก่

  1. การศึกษาภาคบังคับ โดยแบ่งออกเป็นในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา Key Stage 1 – Key Stage 4 (GCSE)
  2. การศึกษาระดับ Further Education Level (A – Level) - การเรียนมปลายที่อังกฤษ
  3. การศึกษาระดับ Higher Education - การเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ

"ตารางสรุประบบการศึกษาในประเทศอังกฤษ"

Year Age Form Level
Year 1 5 - 6 Infants Key Stage 1
Year 2 6 - 7 Infants Key Stage 1
Year 3 7 - 8 Junior Key Stage 2
Year 4 8 - 9 Junior Key Stage 2
Year 5 9 - 10 Junior Key Stage 2
Year 6 10 - 11 Junior Key Stage 2
Year 7 11 - 12 First Form Key Stage 3
Year 8 12 - 13 Second Form Key Stage 3 - Common Exams
Year 9 13 - 14 Third Form Key Stage 3 - GCSE Prep
Year 10 14 - 15 Fourth Form Key Stage 4 - GCSE
Year 11 15 - 16 Fifth Form Key Stage 4 - GCSE / Pre A Level
Year 12 16 - 17 Lower Sixth Key Stage 5 - A Level (AS)
Year 13 17 - 18 Upper Sixth Key Stage 6 - A Level

ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ - การศึกษาภาคบังคับ (Key Stage)

ระบบการศึกษาภาคบังคับของประเทศอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่ๆ คือ

  1. ระดับประถมศึกษา (Primary Level) โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับย่อยตาม Key Stage คือ
    • Key Stage 1 ได้แก่ระดับชั้นประถมศึกษา Year 1 – 2 โดยนักเรียนจะมีอายุประมาณ 5 – 6 ปี
    • Key Stage 2 ได้แก่ระดับชั้นประถมศึกษา Year 3 – 6 โดยนักเรียนจะมีอายุประมาณ 7 – 10 ปี

      2. ระดับมัธยมศึกษา (Secondary Level) โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับย่อยตาม Key Stages คือ

    • Key Stage 3 ได้แก่ระดับชั้นมัธยมศึกษา Year 7 – 9 ซึ่งเป็นระดับชั้นที่โดยปกติแล้วนักเรียนต่างชาติจะเริ่มต้นการศึกษาในประเทศอังกฤษ โดยนักเรียนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 11 – 13 ปี
    • Key Stage 4 ได้แก่ระดับชั้นมัธยมศึกษา Year 10 – 11 โดยนักเรียนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 14 – 16 ปี

หลังจากจบแต่ละ Key Stage นักเรียนจะต้องทำการสอบ National Tests เพื่อวัดผลการเรียนในแต่ละระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนักเรียนเรียนจบในระดับ Key Stage 4 จะต้องทำการสอบเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษาซึ่งถือเป็นการจบการศึกษาภาคบังคับของประเทศอังกฤษ โดยวุฒิการศึกษานี้มีชื่อว่า General Certificate of Secondary Education (GCSE) หรือ O-Level เดิมนั่นเอง ทั้งนี้นักเรียนจะต้องเลือกสอบวิชาต่างๆจำนวน 6 - 8 วิชา อาทิเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ ฯลฯ โดยนักเรียนจะต้องสอบผ่านอย่างน้อย 5 วิชาให้ได้เกรด 4-5 ขึ้นไป โดยผลสอบจะแบ่งออกเป็นตั้งแต่เกรด 1 - 9

สำหรับนักเรียนไทยที่ไปเรียนมัธยมที่อังกฤษและต้องการเทียบวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนจะต้องสอบให้ได้วุฒิการศึกษาในระดับ GCSE โดยจะต้องสอบผ่าน GCSE อย่างน้อย 5 วิชา และต้องมีคะแนนจากระดับการศึกษา AS Level อีก 3 วิชา จึงจะสามารถเทียบเท่าการจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนำวุฒิการศึกษานี้ยื่นสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรภาคนานาชาติในประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามโรงเรียนในอังกฤษส่วนมากไม่มีการแบ่งสอบในระดับ AS Level เหมือนในอดีต จึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่จะต้องเรียนจนจบ A Level หากต้องการกลับมาเรียนต่อปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทย

การเรียนต่อม.ปลายที่อังกฤษ - การศึกษาระดับ Further Education Level (A – Level) 

หลังจากนักเรียนสอบผ่านวุฒิการศึกษาภาคบังคับ GCSE แล้ว หากนักเรียนมีความต้องการที่จะเรียนต่อในระดับสูงขึ้น นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อในระดับ Further Education หรือเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น ก็คือการเรียนมปลายที่อังกฤษนั่นเอง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  1. สายสามัญ (Academic Qualification) สำหรับนักเรียนที่มีความต้องการเข้าสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี นักเรียนจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนระบบ Sixth Form College ซึ่งทำการเรียนการสอนในหลักสูตร GCE Advanced Level หรือเรียกสั้นๆว่า A-Levelนอกจากนี้สำหรับบางโรงเรียนในประเทศอังกฤษ เมื่อเรียนจบ GCSE แล้ว ก็อาจจะมีทางเลือกให้นักเรียนเลือกเรียนต่อในระดับ Year 12-13 เป็นหลักสูตร IB - International Baccalaureate (IB) ซึ่งก็เป็นอีกหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเช่นกัน แต่จะมีความแตกต่างในด้านเนื้อหาและวิธีการเรียนการสอน รวมถึงการวัดผลทั้งนี้หลังจากจบการศึกษาในระดับ A-Level แล้ว นักเรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาที่เรียกว่า General Certificate of Education หรือ GCE และสามารถนำคะแนนที่สอบได้เพื่อนำไปใช้ยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อไปในส่วนของ A Level เกรดจะมีตั้งแต่ A*-U นักเรียนจะทำการเลือกเรียนประมาณ 3 - 4 วิชาตามความถนัดและเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี สำหรับนักเรียนบางคนอาจจะเลือกลงเรียน 4 วิชาตอนเรียน Year 12 เนื่องจากอาจจะยังไม่มั่นใจในเรื่องของวิชาเรียน แล้วจึงค่อยลดจำนวนวิชาเรียนเหลือเพียง 3 วิชาเมื่อเรียน Year 13 ก็สามารถทำได้เช่นกันนอกจากนี้

    สำหรับนักเรียนบางคนที่มีความต้องการในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำและต้องการทำคะแนน UCAS เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็อาจพิจารณาในการทำโปรเจค EPQ ซึ่งเป็นเสมือนโปรเจคจบการศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ และเป็นการแสดงความสามารถทางการวิจัยและทักษะการเขียนอีกด้วย

  2. สายวิชาชีพ (Vocational Qualification) สำหรับเด็กนักเรียนที่ไม่ต้องการเน้นการเรียนด้านวิชาการ แต่ต้องการเน้นการเรียนด้านปฏิบัติ (Coursework and Practical Learning) ก็สามารถเลือกเรียนในหลักสูตร BTEC (Business and Technology Education Council) ได้ โดยเมื่อจบการศึกษา ก็สามารถนำวุฒิการศึกษานี้เพื่อนำไปยื่นสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนมากในประเทศ อังกฤษ ก็เปิดรับเข้าเรียนต่อปริญญาตรีด้วยวิชาของ BTEC  แต่อาจจะมีทางเลือกในการเรียนน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบกับการเรียนในหลักสูตร A-Levelสำหรับการให้เกรดของ BTEC จะแบ่งออกเป็น Distinct* (D*), Distinct (D), Merit (M) และ Pass (P) ซึ่งเทียบเท่ากับเกรด A*, A, C และ E ตามลำดับ

การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ (Higher Education)

สำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา (Higher Education) ในประเทศอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับกว้างๆ ได้แก่

  1. Undergraduate: หลักสูตรปริญญาตรีในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียนเพียง 3 ปี ยกเว้นบางสาขาเช่น วิศวกรรมศาสตร์, สถาปัตยกรรมศาสตร์, แพทยศาสตร์, ทันแพทยศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาเรียนเหมือนประเทศไทยสำหรับนักเรียนที่จบชั้น ม.6 จากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยและต้องการเรียนต่อปริญญาตรีในประเทศอังกฤษ นักเรียนจะต้องเข้าเรียนในหลักสูตร Foundation Course ซึ่งจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษและวิชาการและทำการสอบ โดยนำคะแนนที่ได้ไปยื่นเข้าสมัครศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่อไป
    ทั้งนี้น้องๆบางคนอาจจะมีข้อกังวลว่าจะทำให้การเรียนเสียเวลาไป 1 ปี จริงๆแล้วมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนั้น โดยทั่วไปอาทิ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตาร์ บริหารธุรกิจ และอื่นๆ จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้น้องๆไม่จำเป็นต้องมีความกังวลว่าจะเสียเวลาเรียน 1 ปี เพราะท้ายที่สุดแล้วน้องๆก็จะจบพร้อมกับเพื่อนๆที่เรียนในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ยกเว้นบางคณะอย่างเช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เป็นต้น
  2. Postgraduate: หลักสูตรสูงกว่าปริญญาตรี สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
    1. Graduate Certificate/ Diploma เป็นหลักสูตรที่สูงกว่าระดับปริญญาตรี โดยใช้เวลาเรียน 6 เดือน 1 ปี
    2. Master Degree หลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาโท โดยมีระยะเวลาการเรียนประมาณ 1 – 2 ปี
    3. Doctoral Degree หลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาเอก โดยมีระยะเวลาการเรียนประมาณ 3 ปี

ระบบเทอมการศึกษาในประเทศอังกฤษ (Academic Terms)

สถาบันการศึกษาในประเทศอังกฤษไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับใด สามารถแบ่งออกเป็น 3 เทอม ได้แก่

  • Autumn Term ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ถึงกลางเดือนธันวาคม
  • Spring Term ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ถึงปลายเดือนมีนาคม
  • Summer Term ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนกรกฎาคม

ข้อแนะนำในการเลือกโรงเรียนมัธยมในอังกฤษ 

ผู้ปกครองและน้องๆ มักมีคำถามว่าโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษมีจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่าจะเลือกโรงเรียนอย่างไร เบื้องต้นทาง GENT ขอแนะนำในปัจจัยในการเลือกโรงเรียนดังนี้

  1. ประเภทของโรงเรียน: ชายล้วน หญิงล้วน หรือโรงเรียนสหศึกษา
  2. ที่ตั้งของโรงเรียน: โรงเรียนในเมืองใหญ่ (City Schools), โรงเรียนในเมืองขนาดกลางหรือชานเมือง (Town Schools - Suburb) และโรงเรียนที่อยู่นอกเมือง (Rural Schools)
  3. ความเข้มข้นทางด้านวิชาการ โดยสามารถดูได้จาก Ranking และผลคะแนน GCSE/ A Level/ IB นอกจากนั้น ผู้ปกครองและนักเรียนยังสามารถดูผลการเรียนรายวิชาที่ตัวเองสนใจเพิ่มเติมได้
  4. Pastoral Care: ความเอาใจใส่ การดูแลนักเรียน โดยสามารถสอบถามจากทาง GENT ได้
  5. ขนาดของโรงเรียน จำนวนนักเรียนในโรงเรียน และจำนวนนักเรียนในแต่ละชั้นปี
  6. วิชาเลือกที่โรงเรียนเปิดให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้
  7. กิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรที่นักเรียนสนใจ อาทิ กีฬา ชมรม ต่างๆ ในโรงเรียน
  8. งบประมาณ 

ประเภทของโรงเรียนในอังกฤษและแนะนำโรงเรียนที่ดีที่สุดในอังกฤษและน่าสนใจ

โรงเรียนในอังกฤษที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติได้ โดยส่วนใหญ่จะต้องเป็นโรงเรียนเอกชนเท่านั้น โดยโรงเรียนเอกชนในประเทศอังกฤษสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมดเป็น 3 ประเภท

  • Traditional Boarding School ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ โดยนักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่ประมาณ 50-90% เป็นนักเรียนอังกฤษ และมีนักเรียนต่างชาติอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่า ส่วนมากมักเป็นโรงเรียนประจำในอังกฤษเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมายาวนานหลักร้อยปีขึ้นไป โดยโรงเรียนที่ทาง GENT แนะนำได้แก่ Brighton College, Dulwich College, Oundle School, St Edward School - Oxford, Berkhamsted School, The Leys School, Cheltenham College, Oswestry School, Prior Park College เป็นต้น
  • International College เป็นโรงเรียนที่อาจจะเป็นโรงเรียนประจำ และอาจจะเป็นโรงเรียนแบบไปกลับ โดยเปิดสอนและมีความชำนาญในการสอนนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ หรือบางโรงเรียนอาจจะมีนักเรียนอังกฤษอยู่บ้าง แต่ก็จะมีจำนวนไม่มากไปกว่านักเรียนต่างชาติ อาทิ Cardiff Sixth Form College ซึ่งถือเป็นโรงเรียนที่เน้นทางด้านวิชาการและเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในอังกฤษโรงเรียนหนึ่งจากผลสอบ A Level,  CATS College, Abbey DLD, Oxford Sixth Form College เป็นต้น
  • International Study Center เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ ก่อนที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนสองประเภทแรก อาทิ Bishopstrow College หรือบางโรงเรียนอาจจะมีศูนย์ International Study Center ตั้งอยู่ในโรงเรียนประเภท Traditional Boarding School ก็เป็นไปได้ อาทิเช่น Moreton Hall ISC, Taunton ISC, Mill Hill ISC, King's School ISC เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม อาจมีโรงเรียนมปลายในประเทศอังกฤษประเภท Public College ที่เป็นโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลก็สามารถเปิดรับนักเรียนต่างชาติได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีก็คือค่าใช้จ่ายไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนเอกชน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการสนับสนุนนักเรียนต่างชาติ อาจจะมีน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบกับโรงเรียนเอกชน หากน้องๆ มีความพร้อม และมีงบประมาณที่จำกัด ก็สามารถสอบถามทาง GENT เพื่อแนะนำโรงเรียนประเภทนี้สำหรับการไปเรียนต่อมปลายที่อังกฤษได้เช่นกัน

สำหรับผู้ปกครองหรือน้องๆ คนไหน กำลังหาโรงเรียนที่น่าสนใจในประเทศอังกฤษ สามารถคลิ๊กดูรายชื่อโรงเรียนในอังกฤษด้านล่างได้เลย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม วางแผนการเรียนต่อมัธยมในประเทศอังกฤษ หรือคัดเลือกโรงเรียนที่เหมาะสม ก็สามารถติดต่อมาที่ GENT ได้เช่นกัน