ทำไมต้องไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยมในอังกฤษหรือโรงเรียนประจำในอังกฤษ?
ประเทศอังกฤษถือเป็นประเทศต้นแบบของการศึกษาในหลายๆประเทศทั่วโลก เป็นเหตุผลที่ทำให้การเรียนมัธยมที่อังกฤษ เป็นตัวเลือกแรกๆที่ได้รับความสนใจทั้งจากผู้ปกครองและนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนประจำในประเทศนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา หรือแม้แต่สวิสเซอร์แลนด์ ก็ล้วนได้ต้นแบบมาจากรูปแบบโรงเรียนประจำในอังกฤษ ซึ่งเน้นไปที่การสร้างเด็กและเยาวชนโดยพื้นฐานของการให้เกียรติ ระเบียบวินัย การนับถือผู้อาวุโสกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถือว่ามีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ปกครองที่มีงบประมาณที่เพียงพอ และให้ความสนใจเรื่องของวิชาการ และระเบียบวินัยให้กับบุตรหลานเป็นสำคัญ จึงสนใจและนิยมส่งบุตรหลานไปเรียนต่อมัธยมที่ประเทศอังกฤษ
หากผู้ปกครองมีเป้าหมายในการให้บุตรหลานของท่านได้เรียนรู้ระเบียบวินัย เล่นกีฬา ทำกิจกรรม ไปพร้อมๆ กับความเข้มข้นทางด้านวิชาการแล้ว ประเทศอังกฤษถือเป็นประเทศที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในการส่งเด็กนักเรียนไทยไปเรียนต่อมัธยมในต่างประเทศ
การเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนมัธยมที่อังกฤษ - โรงเรียนประจำในอังกฤษ
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรและระบบการเรียนมัธยมของประเทศอังกฤษ ควรเข้าใจว่า GCSE/ A Level คืออะไร ต้องเรียนจำนวนทั้งสิ้นกี่วิชา วิชาอะไรบ้าง โดยสามารถดูวีดีโอคลิปที่จัดทำขึ้นด้านล่าง
- สอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการออกแบบ และเตรียมตัวนักเรียนก่อนเดินทางไปเรียนมัธยมที่ประเทศอังกฤษ
- การเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ ในปัจจุบัน นักเรียนไทยมักมีระดับภาษาอังกฤษที่สามารถฟังและพูดในชีวิตประจำวันได้ อย่างไรก็ตาม การไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษนั้น นักเรียนควรจะต้องเตรียมความพร้อมทางด้าน Academic English ทั้งเรื่องของการฟัง พูด อ่าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ Academic Writing โดยผู้ปกครองสามารถจัดหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติที่เมืองไทย
- เตรียมความพร้อมทางด้านวิชาการ หากไม่ได้เรียนในระบบอังกฤษอยู่แล้ว น้องๆ ควรหาข้อสอบเก่าของแต่ละวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเลข ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์เพื่อลองมาฝึกทำดู อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถทำได้ หรือไม่เข้าใจ แนะนำให้สอบถามกับถาม GENT เพื่อช่วยจัดหารติวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเหมาะสม เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนเดินทางไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษ ควรใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการเตรียมตัว
- เตรียมความพร้อมทางด้านระเบียบวินัย และการเรียนรู้ที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากการไปเรียนมัธยมในอังกฤษส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนในโรงเรียนประจำ ทั้งนี้ ผู้ปกครองอาจส่งน้องไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอังกฤษ โดยอาจะเป็นการเรียนเพียงแค่ Study Tour English Program หรือเป็นการเรียน Academic Program ซึ่งผู้ปกครองสามารถสอบถามข้อมูลได้กับทาง GENT ในการช่วยวางแผนก่อนเดินทางไปเรียนมัธยมที่ประเทศอังกฤษผู้ปกครองบางท่านอาจมองว่าการไปซัมเมอร์ต่างประเทศเป็นเพียงการไปเที่ยวสำหรับนักเรียนช่วงปิดเทอม อย่างไรก็ตาม หากผู้ปกครองมีแพลนที่จะส่งน้องไปเรียนมัธยมที่ต่างประเทศแล้ว การเลือกโปรแกรมซัมเมอร์ที่ถูกจัดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ มีกรุ๊ปลีดเดอร์ที่มีความเข้าใจและมีประสบการณ์ จะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมนักเรียนไม่เพียงแต่การได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แต่จะเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสังคม การเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต และการเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตด้วยตัวเองอีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษ (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมซัมเมอร์ที่น่าสนใจได้ที่นี่ Click here)
เรียนต่อมัธยมที่อังกฤษมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
การไปเรียนต่อมัธยมที่อังกฤษนั้น กว่าร้อยละ 80 ของเด็กนักเรียนต่างชาติในระดับชั้นมัธยมจะต้องเรียนในโรงเรียนประจำเท่านั้นและสามารถเรียนได้ในโรงเรียนเอกชนเท่านั้น มีเพียงบางโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนประเภท International School หรือบางโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (College) ที่นักเรียนอาจจะมีตัวเลือกในการพักกับโฮสต์แฟมิลี่ นอกจากค่าเรียนและค่าที่พักแล้ว โรงเรียนในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ยังต้องการให้ทางผู้ปกครอง (หรือเอเจนซี่) ทำการจัดหา Guardian ผู้ซึ่งเสมือนเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่ประเทศอังกฤษ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการไปเรียนต่ออังกฤษในระดับมัธยมนั้นค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ โดยเราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับการเรียนในโรงเรียนประเทศอังกฤษออกมาได้ดังนี้
- ค่าเรียนและค่าที่พัก (Tuition and Boarding Fee) ในปัจจุบัน ค่าเรียนและค่าที่พักของโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษนั้น จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 9,000 - 13,000 ปอนด์ต่อเทอม ซึ่งโรงเรียนมัธยมในประเทศอังกฤษจะมีการเรียนการสอนทั้งสิ้น 3 เทอมการศึกษา ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อปี จะอยู่ที่ประมาณ 27,000 - 39,000 ปอนด์ต่อปี (ชั้นปีที่ต่ำกว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า) โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้จะรวมค่าเรียน ค่าที่พัก และค่าอาหารครบทุกมื้อ
- Guardian Fee การ์เดี้ยนมีหน้าที่เสมือนเป็นผู้ปกครองที่ดูแลนักเรียนและเป็นตัวแทนผู้ปกครองหากโรงเรียนมีการจัดประชุมหรือต้องการพบ นอกจากนั้นแล้ว การ์เดี้ยนยังมีหน้าที่ในการจัดหาที่พักหรือโฮสต์แฟมิลี่ในช่วงที่หอพักของโรงเรียนปิด ซึ่งค่า Guardian Fee จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,500 - 2,000 ปอนด์ต่อปี
- Host Family Fee: นอกจากค่า Guardian Fee ที่ผู้ปกครองต้องเตรียมเอาไว้แล้ว จะต้องเตรียมงบส่วนหนึ่งสำหรับค่าที่พักของนักเรียนในช่วงที่ทางโรงเรียนปิดเทอมและไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทย อาทิ ช่วง Exeat Weekend, Half Term, End of Term ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 50 ปอนด์ต่อคืน จำนวนทั้งสิ้นอย่างน้อย 30 วันต่อปีการศึกษา
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อาทิเช่น Uniform, Exam Fee, Deposit Fee, ค่าตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น
โดยสรุปแล้ว ผู้ปกครองควรมีงบประมาณอย่างน้อย 35,000 - 45,000 ปอนด์ต่อ 1 ปีการศึกษา สำหรับการส่งบุตรหลานไปเรียนมัธยมที่อังกฤษ
ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษและข้อมูลการเรียนต่อมัธยมประเทศอังกฤษ
ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ
สำหรับท่านผู้ปกครองหรือน้องๆนักเรียนที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการไป เรียนต่อในประเทศอังกฤษ , เรียนต่อมัธยมอังกฤษ ทาง GENT ขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษ และรายชื่อโรงเรียนในอังกฤษ เพื่อให้น้องๆและผู้ปกครอง มีความเข้าใจมากขึ้น ก่อนตัดสินใจไป “เรียนต่ออังกฤษ”
ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษนั้นถือได้ว่ามีระบบการศึกษาที่แตกต่างจากระบบของประเทศไทยพอสมควร โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ตอนได้แก่
- การศึกษาภาคบังคับ โดยแบ่งออกเป็นในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา Key Stage 1 – Key Stage 4 (GCSE)
- การศึกษาระดับ Further Education Level (A – Level) - การเรียนมปลายที่อังกฤษ
- การศึกษาระดับ Higher Education - การเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ
"ตารางสรุประบบการศึกษาในประเทศอังกฤษ"
Year | Age | Form | Level |
Year 1 | 5 - 6 | Infants | Key Stage 1 |
Year 2 | 6 - 7 | Infants | Key Stage 1 |
Year 3 | 7 - 8 | Junior | Key Stage 2 |
Year 4 | 8 - 9 | Junior | Key Stage 2 |
Year 5 | 9 - 10 | Junior | Key Stage 2 |
Year 6 | 10 - 11 | Junior | Key Stage 2 |
Year 7 | 11 - 12 | First Form | Key Stage 3 |
Year 8 | 12 - 13 | Second Form | Key Stage 3 - Common Exams |
Year 9 | 13 - 14 | Third Form | Key Stage 3 - GCSE Prep |
Year 10 | 14 - 15 | Fourth Form | Key Stage 4 - GCSE |
Year 11 | 15 - 16 | Fifth Form | Key Stage 4 - GCSE / Pre A Level |
Year 12 | 16 - 17 | Lower Sixth | Key Stage 5 - A Level (AS) |
Year 13 | 17 - 18 | Upper Sixth | Key Stage 6 - A Level |
ระบบการศึกษาประเทศอังกฤษ - การศึกษาภาคบังคับ (Key Stage)
ระบบการศึกษาภาคบังคับของประเทศอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่ๆ คือ
- ระดับประถมศึกษา (Primary Level) โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับย่อยตาม Key Stage คือ
- Key Stage 1 ได้แก่ระดับชั้นประถมศึกษา Year 1 – 2 โดยนักเรียนจะมีอายุประมาณ 5 – 6 ปี
- Key Stage 2 ได้แก่ระดับชั้นประถมศึกษา Year 3 – 6 โดยนักเรียนจะมีอายุประมาณ 7 – 10 ปี
2. ระดับมัธยมศึกษา (Secondary Level) โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับย่อยตาม Key Stages คือ
- Key Stage 3 ได้แก่ระดับชั้นมัธยมศึกษา Year 7 – 9 ซึ่งเป็นระดับชั้นที่โดยปกติแล้วนักเรียนต่างชาติจะเริ่มต้นการศึกษาในประเทศอังกฤษ โดยนักเรียนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 11 – 13 ปี
- Key Stage 4 ได้แก่ระดับชั้นมัธยมศึกษา Year 10 – 11 โดยนักเรียนส่วนใหญ่จะมีอายุประมาณ 14 – 16 ปี
หลังจากจบแต่ละ Key Stage นักเรียนจะต้องทำการสอบ National Tests เพื่อวัดผลการเรียนในแต่ละระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากนักเรียนเรียนจบในระดับ Key Stage 4 จะต้องทำการสอบเพื่อให้ได้วุฒิการศึกษาซึ่งถือเป็นการจบการศึกษาภาคบังคับของประเทศอังกฤษ โดยวุฒิการศึกษานี้มีชื่อว่า General Certificate of Secondary Education (GCSE) หรือ O-Level เดิมนั่นเอง ทั้งนี้นักเรียนจะต้องเลือกสอบวิชาต่างๆจำนวน 6 - 8 วิชา อาทิเช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ประวัติศาสตร์ ฯลฯ โดยนักเรียนจะต้องสอบผ่านอย่างน้อย 5 วิชาให้ได้เกรด 4-5 ขึ้นไป โดยผลสอบจะแบ่งออกเป็นตั้งแต่เกรด 1 - 9
สำหรับนักเรียนไทยที่ไปเรียนมัธยมที่อังกฤษและต้องการเทียบวุฒิมัธยมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนจะต้องสอบให้ได้วุฒิการศึกษาในระดับ GCSE โดยจะต้องสอบผ่าน GCSE อย่างน้อย 5 วิชา และต้องมีคะแนนจากระดับการศึกษา AS Level อีก 3 วิชา จึงจะสามารถเทียบเท่าการจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนำวุฒิการศึกษานี้ยื่นสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยหลักสูตรภาคนานาชาติในประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามโรงเรียนในอังกฤษส่วนมากไม่มีการแบ่งสอบในระดับ AS Level เหมือนในอดีต จึงทำให้นักเรียนส่วนใหญ่จะต้องเรียนจนจบ A Level หากต้องการกลับมาเรียนต่อปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทย
การเรียนต่อม.ปลายที่อังกฤษ - การศึกษาระดับ Further Education Level (A – Level)
หลังจากนักเรียนสอบผ่านวุฒิการศึกษาภาคบังคับ GCSE แล้ว หากนักเรียนมีความต้องการที่จะเรียนต่อในระดับสูงขึ้น นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อในระดับ Further Education หรือเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น ก็คือการเรียนมปลายที่อังกฤษนั่นเอง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- สายสามัญ (Academic Qualification) สำหรับนักเรียนที่มีความต้องการเข้าสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี นักเรียนจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียนระบบ Sixth Form College ซึ่งทำการเรียนการสอนในหลักสูตร GCE Advanced Level หรือเรียกสั้นๆว่า A-Levelนอกจากนี้สำหรับบางโรงเรียนในประเทศอังกฤษ เมื่อเรียนจบ GCSE แล้ว ก็อาจจะมีทางเลือกให้นักเรียนเลือกเรียนต่อในระดับ Year 12-13 เป็นหลักสูตร IB - International Baccalaureate (IB) ซึ่งก็เป็นอีกหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเช่นกัน แต่จะมีความแตกต่างในด้านเนื้อหาและวิธีการเรียนการสอน รวมถึงการวัดผลทั้งนี้หลังจากจบการศึกษาในระดับ A-Level แล้ว นักเรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาที่เรียกว่า General Certificate of Education หรือ GCE และสามารถนำคะแนนที่สอบได้เพื่อนำไปใช้ยื่นสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อไปในส่วนของ A Level เกรดจะมีตั้งแต่ A*-U นักเรียนจะทำการเลือกเรียนประมาณ 3 - 4 วิชาตามความถนัดและเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี สำหรับนักเรียนบางคนอาจจะเลือกลงเรียน 4 วิชาตอนเรียน Year 12 เนื่องจากอาจจะยังไม่มั่นใจในเรื่องของวิชาเรียน แล้วจึงค่อยลดจำนวนวิชาเรียนเหลือเพียง 3 วิชาเมื่อเรียน Year 13 ก็สามารถทำได้เช่นกันนอกจากนี้
สำหรับนักเรียนบางคนที่มีความต้องการในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำและต้องการทำคะแนน UCAS เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็อาจพิจารณาในการทำโปรเจค EPQ ซึ่งเป็นเสมือนโปรเจคจบการศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ และเป็นการแสดงความสามารถทางการวิจัยและทักษะการเขียนอีกด้วย
- สายวิชาชีพ (Vocational Qualification) สำหรับเด็กนักเรียนที่ไม่ต้องการเน้นการเรียนด้านวิชาการ แต่ต้องการเน้นการเรียนด้านปฏิบัติ (Coursework and Practical Learning) ก็สามารถเลือกเรียนในหลักสูตร BTEC (Business and Technology Education Council) ได้ โดยเมื่อจบการศึกษา ก็สามารถนำวุฒิการศึกษานี้เพื่อนำไปยื่นสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนมากในประเทศ อังกฤษ ก็เปิดรับเข้าเรียนต่อปริญญาตรีด้วยวิชาของ BTEC แต่อาจจะมีทางเลือกในการเรียนน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบกับการเรียนในหลักสูตร A-Levelสำหรับการให้เกรดของ BTEC จะแบ่งออกเป็น Distinct* (D*), Distinct (D), Merit (M) และ Pass (P) ซึ่งเทียบเท่ากับเกรด A*, A, C และ E ตามลำดับ
การเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ (Higher Education)
สำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา (Higher Education) ในประเทศอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับกว้างๆ ได้แก่
- Undergraduate: หลักสูตรปริญญาตรีในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการเรียนเพียง 3 ปี ยกเว้นบางสาขาเช่น วิศวกรรมศาสตร์, สถาปัตยกรรมศาสตร์, แพทยศาสตร์, ทันแพทยศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาเรียนเหมือนประเทศไทยสำหรับนักเรียนที่จบชั้น ม.6 จากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยและต้องการเรียนต่อปริญญาตรีในประเทศอังกฤษ นักเรียนจะต้องเข้าเรียนในหลักสูตร Foundation Course ซึ่งจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษและวิชาการและทำการสอบ โดยนำคะแนนที่ได้ไปยื่นเข้าสมัครศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่อไป
ทั้งนี้น้องๆบางคนอาจจะมีข้อกังวลว่าจะทำให้การเรียนเสียเวลาไป 1 ปี จริงๆแล้วมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนั้น โดยทั่วไปอาทิ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตาร์ บริหารธุรกิจ และอื่นๆ จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้น้องๆไม่จำเป็นต้องมีความกังวลว่าจะเสียเวลาเรียน 1 ปี เพราะท้ายที่สุดแล้วน้องๆก็จะจบพร้อมกับเพื่อนๆที่เรียนในมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ยกเว้นบางคณะอย่างเช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เป็นต้น - Postgraduate: หลักสูตรสูงกว่าปริญญาตรี สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
- Graduate Certificate/ Diploma เป็นหลักสูตรที่สูงกว่าระดับปริญญาตรี โดยใช้เวลาเรียน 6 เดือน 1 ปี
- Master Degree หลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาโท โดยมีระยะเวลาการเรียนประมาณ 1 – 2 ปี
- Doctoral Degree หลักสูตรการศึกษาในระดับปริญญาเอก โดยมีระยะเวลาการเรียนประมาณ 3 ปี


ข้อแนะนำในการเลือกโรงเรียนมัธยมในอังกฤษ
ผู้ปกครองและน้องๆ มักมีคำถามว่าโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษมีจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่าจะเลือกโรงเรียนอย่างไร เบื้องต้นทาง GENT ขอแนะนำในปัจจัยในการเลือกโรงเรียนดังนี้
- ประเภทของโรงเรียน: ชายล้วน หญิงล้วน หรือโรงเรียนสหศึกษา
- ที่ตั้งของโรงเรียน: โรงเรียนในเมืองใหญ่ (City Schools), โรงเรียนในเมืองขนาดกลางหรือชานเมือง (Town Schools - Suburb) และโรงเรียนที่อยู่นอกเมือง (Rural Schools)
- ความเข้มข้นทางด้านวิชาการ โดยสามารถดูได้จาก Ranking และผลคะแนน GCSE/ A Level/ IB นอกจากนั้น ผู้ปกครองและนักเรียนยังสามารถดูผลการเรียนรายวิชาที่ตัวเองสนใจเพิ่มเติมได้
- Pastoral Care: ความเอาใจใส่ การดูแลนักเรียน โดยสามารถสอบถามจากทาง GENT ได้
- ขนาดของโรงเรียน จำนวนนักเรียนในโรงเรียน และจำนวนนักเรียนในแต่ละชั้นปี
- วิชาเลือกที่โรงเรียนเปิดให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้
- กิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรที่นักเรียนสนใจ อาทิ กีฬา ชมรม ต่างๆ ในโรงเรียน
- งบประมาณ
ประเภทของโรงเรียนในอังกฤษและแนะนำโรงเรียนที่ดีที่สุดในอังกฤษและน่าสนใจ
โรงเรียนในอังกฤษที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติได้ โดยส่วนใหญ่จะต้องเป็นโรงเรียนเอกชนเท่านั้น โดยโรงเรียนเอกชนในประเทศอังกฤษสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมดเป็น 3 ประเภท
- Traditional Boarding School ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ โดยนักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่ประมาณ 50-90% เป็นนักเรียนอังกฤษ และมีนักเรียนต่างชาติอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่า ส่วนมากมักเป็นโรงเรียนประจำในอังกฤษเป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมายาวนานหลักร้อยปีขึ้นไป โดยโรงเรียนที่ทาง GENT แนะนำได้แก่ Brighton College, Dulwich College, Oundle School, St Edward School - Oxford, Berkhamsted School, The Leys School, Cheltenham College, Oswestry School, Prior Park College เป็นต้น
- International College เป็นโรงเรียนที่อาจจะเป็นโรงเรียนประจำ และอาจจะเป็นโรงเรียนแบบไปกลับ โดยเปิดสอนและมีความชำนาญในการสอนนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ หรือบางโรงเรียนอาจจะมีนักเรียนอังกฤษอยู่บ้าง แต่ก็จะมีจำนวนไม่มากไปกว่านักเรียนต่างชาติ อาทิ Cardiff Sixth Form College ซึ่งถือเป็นโรงเรียนที่เน้นทางด้านวิชาการและเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในอังกฤษโรงเรียนหนึ่งจากผลสอบ A Level, CATS College, Bellerbys College เป็นต้น
- International Study Center เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ ก่อนที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนสองประเภทแรก อาทิ Bishopstrow College หรือบางโรงเรียนอาจจะมีศูนย์ International Study Center ตั้งอยู่ในโรงเรียนประเภท Traditional Boarding School ก็เป็นไปได้ อาทิเช่น Moreton Hall ISC, Taunton ISC, Mill Hill ISC ซึ่งเป็นโรงเรียนไม่กี่แห่งที่เป็นโรงเรียนเอกในลอนดอนที่เปิดรับนักเรียนต่างชาติ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อาจมีโรงเรียนมปลายในประเทศอังกฤษประเภท Public College ที่เป็นโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลก็สามารถเปิดรับนักเรียนต่างชาติได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีก็คือค่าใช้จ่ายไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับโรงเรียนเอกชน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการสนับสนุนนักเรียนต่างชาติ อาจจะมีน้อยกว่าโดยเปรียบเทียบกับโรงเรียนเอกชน หากน้องๆ มีความพร้อม และมีงบประมาณที่จำกัด ก็สามารถสอบถามทาง GENT เพื่อแนะนำโรงเรียนประเภทนี้สำหรับการไปเรียนต่อมปลายที่อังกฤษได้เช่นกัน
สำหรับผู้ปกครองหรือน้องๆ คนไหน กำลังหาโรงเรียนที่น่าสนใจในประเทศอังกฤษ สามารถคลิ๊กดูรายชื่อโรงเรียนในอังกฤษด้านล่างได้เลย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม วางแผนการเรียนต่อมัธยมในประเทศอังกฤษ หรือคัดเลือกโรงเรียนที่เหมาะสม ก็สามารถติดต่อมาที่ GENT ได้เช่นกัน