เรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่นักเรียนไทยมักนิยมไปเรียนต่อไม่ว่าจะเป็นในระดับปริญญาตรี หรือปริญญาโทที่อเมริกา ในสมัยก่อนอาจมีนักเรียนไทยจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นนักเรียนทุนส่วนตัว ทุนรัฐบาล หรือทุนบริษัท ที่เลือกเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทและเอกในประเทศสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ผลจากโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือ J-1 ทำให้นักเรียนไทยเลือกเรียนต่อระดับมัธยมที่อเมริกากันมากขึ้น และเลือกที่จะเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาหลังจบการศึกษา อีกทั้งมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกายังมีจำนวนมาก และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไม่น้อยเลย
ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม IVY League อาทิ Harvard, Browns, UPenn, Princeton หรือ Columbia เป็นต้น หรือแม้แต่ University ของรัฐต่างๆ ที่มีชื่อเสียงอาทิ University of California at Berkeley, University of California at Los Angles (UCLA), University of Texas at Austin, University of Washington, University of Colorado at Boulder อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ Georgetown University, George Washington University, etc.
ด้วยเหตุนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศที่นักเรียนไทยให้ความสนใจในการไปเรียนต่อ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในระดับปริญญาตรี โทและเอก ในปัจจุบัน
หลักสูตรการเรียนต่อปริญญาตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา
เรียนแบบ Public University
หลักสูตรปริญญาตรีฉบับการสอนในมหาวิทยาลัยรัฐบาลของอเมริกา งบการพัฒนาของมหาวิทยาลัยรัฐบาลนี้ขึ้นตรงจากภาษีประชาชนประจำแต่ละรัฐ ซึ่งมหาวิทยาลัยปริญญาตรีในรูปแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสถานศึกษาที่ถูกจัดตั้งในตามหัวเมืองแต่ละประจำรัฐต่างๆ เพื่อรองรับนักศึกษาประจำพื้นที่ในรัฐและนักศึกษาที่ต้องการเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาในพื้นที่ท้องถิ่นที่ตัวเองต้องการอาศัยอยู่ด้วย ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีประจำรัฐใหญ่ๆเช่น University of Texas ,University of California, Berkeley, University of Utah เป็นต้น
เรียนแบบ Private University
หลักสูตรปริญญาตรีจนไปยังปริญญาเอกฉบับการสอนในมหาวิทยาลัยเอกชนของอเมริกา งบการพัฒนาของมหาวิทยาลัยเอกชนนี้เป็นสถานศึกษาเรียนปตรีอเมริกาที่ขึ้นตรงจากค่าใช้จ่ายผู้เรียนหรือค่าเทอมโดยตรง โดยมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง อาจถูกบริหารภายใต้เครือข่ายองค์กรศาสนาคริสต์จักรและได้เงินสนับสนุนจากการ Donation เป็นหลัก
ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยเอกชนเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีประจำรัฐใหญ่ๆเช่น Princeton University, Cornell University และ Stanford University เป็นต้น
ซึ่งการเรียนต่อมหาวิทยาลัย 4 ปี (4 Year University/ College) ไม่ว่าจะ Public University หรือ Private University ส่วนใหญ่ นักเรียนจะต้องมีคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (TOEFL/ IELTS), คะแนนวัดความรู้มาตรฐาน (SAT/ ACT), คะแนน GPA ที่ดี รวมถึง Recommendation Letters และ Statement of Purpose และที่สำคัญที่การสอบเข้าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นแตกต่างจากประเทศอังกฤษคือนักเรียนจะต้องสมัครโดยตรงไปที่มหาวิทยาลัยเอง ไม่มีระบบส่วนกลาง และจะเลือกสมัครกี่มหาวิทยาลัยก็ได้ ซึ่งโดยปรกติแล้วจะแนะนำให้เลือกสมัครไม่เกิน 5 - 6 มหาวิทยาลัย เนื่องจากนักเรียนจะต้องเขียน Essays จำนวน 1 - 3 Essays เพิ่มเติมในแต่ละมหาวิทยาลัยซึ่งมีคำถามที่แตกต่างออกไปอีกด้วย
เรียนแบบ Community College
Community College (วิทยาลัยชุมชน) เป็นสถาบันที่รองรับนักศึกษาท้องถิ่น และนักศึกษานานาชาติในการเข้าเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา โดยการเรียนเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้น น้องๆสามารถเทียบโอนหน่วยกิตไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Community College และเรียนต่ออีกเป็นระยะเวลา 2 ปี ก็จะได้วุฒิปริญญาตรี
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีการเปิดกว้างและให้โอกาสทางการศึกษากับคนทุกระดับ ดังนั้นการเข้าไปเรียนวิทยาลัยชุมชนนั้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่มีงบประมาณในการเรียนที่จำกัด หรืออาจจะไม่ได้มีโอกาสการศึกษาในรูปแบบปรกติทั่วไป สำหรับนักเรียนต่างชาติ Community College ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็สามารถเปิดรับได้เช่นเดียวกัน
ข้อดีของการเรียนวิทยาลัยชุมชนนี้ คือ ค่าใช้จ่ายหลักสูตรเรียนปริญญาตรีอเมริกานี้ จะค่อนข้างถูกกว่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก
ซึ่งโดยเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายของการเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยแล้ว ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าประมาณ 50% และที่สำคัญ ไม่ได้มีความยุ่งยากในการสอบเข้าเรียนต่ออีกด้วย แม้ว่าจะต้องมีคะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ (TOEFL/ IELTS) และ GPA ก็ตาม แต่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักเรียนที่มีคะแนน GPA ไม่สูงมากนักและมีงบประมาณที่จำกัดทั้งนี้การเรียน Community College นั้น
นักเรียนต่างชาติมักจะเรียนที่ Community College 2 ปีแรก หลังจากนั้นนักเรียนต่างชาติจะทำการ Transfer เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย (University/ College) เพื่อไปสำเร็จการศึกษาที่แต่ละมหาวิทยาลัยนั้นๆ ดังนั้นการเรียน Community College นอกจากจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในสองปีแรกแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในชั้นปีที่ 3 และ 4 และจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
เรียนแบบ Undergraduate University Pathway
หลักสูตรการเรียนปรับพื้นฐานสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียน หรือผลทดสอบภาษาอังกฤษไม่ถึงตามเกณฑ์ต่อการเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาในหลักสูตรปกติ หลักสูตรนี้จะเป็นการเรียนปี 1 แต่จะเรียนกับนักเรียนต่างชาติด้วยกัน โดยจะเป็นการปรับพื้นฐานและเตรียมความพร้อมให้นักเรียนต่างชาติปรับตัวเข้ากับระบบการเรียนแบบอเมริกัน มีการสอนภาษาอังกฤษ และการนำเสนอแบบวิชาการเพิ่มเติมให้กับนักเรียน อีกทั้งยังจะช่วยให้นักเรียนปรับตัวให้คุ้นเคยวัฒนธรรมซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆในการเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาอีกด้วย
สำหรับนักเรียนต่างชาติบางคน อาจจะไม่ชอบในการเข้าไปเรียนใน Community College หรือการ Transfer แต่อาจจะมีความต้องการที่จะเรียนในมหาวิยาลัยที่ต้องการเข้าเรียนเลย อีกทั้งอาจจะมีคะแนน GPA หรือระดับภาษาอังกฤษที่ยังไม่เพียงพอต่อการสมัครตรงเข้ามหาวิทยาลัย อีกทั้งในบางหลักสูตรและบางมหาวิทยาลัยอาจจะมีการ Waive ไม่ต้องสอบ SAT
ดังนั้นการเรียน Undergraduate University Pathway จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตัวหลักสูตรถูกพัฒนาขึ้นสำหรับการปูพื้นฐานให้กับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะทั้งนี้สำหรับตัวหลักสูตรนั้นจะมีการเรียนในสาขาวิชาที่นักเรียนได้เลือกไม่ว่าจะเป็น Business, Engineering, Architecture, Science และอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเรียนภาษาอังกฤษที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้มีระดับภาษาอังกฤษที่เพียงพอก่อนจะเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ในขณะที่เรียนหลักสูตร Undergraduate University Pathway นักเรียนก็สามารถที่จะเก็บหน่วยกิตของบางวิชาเพื่อไปใช้ในการจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยอีกด้วย โดยจำนวนระยะเวลาการเรียนนั้นขึ้นอยู่กับระดับภาษาอังกฤษเมื่อตอนเข้าสมัครเรียน
FAQs คำถามที่ควรรู้ก่อนไปเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา
ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เรียนได้มั้ย
ถ้าน้องๆมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ไม่แข็งแรง แต่มีใจที่อยากจะศึกษาต่อปริญญาตรีที่อเมริกา ทาง Gent สามารถต่อพลังใจด้วยการให้น้องๆเข้าโปรแกรม 2 หลักสูตร เป็นทางเลือก ได้แก่
- โปรแกรม Pathway - หลักสูตรนี้จะเหมาะสำหรับน้องๆที่เกรดเฉลี่ย หรือระดับภาษาอังกฤษยังได้ไม่ถึงตามเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด โดยการเรียน Pathway ในปีที่ 1 น้องๆจะจะเรียนร่วมกับนักเรียนต่างชาติด้วยกันก่อน คลาสเรียนจะเป็นคลาสเล็ก จำนวนนักเรียนต่อคลาสไม่เยอะ และทางมหาวิทยาลัยจะมีการเรียนภาษาอังกฤษเสริมให้ด้วย จากนั้นหากสอบผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดแล้ว น้องๆจะสามารถขึ้นปี 2 และเรียนร่วมกับนักเรียนอเมริกันในระบบปกติ และสามารถจบได้ภายใน 4 ปีตามปกติ
- โปรแกรม General English และ Academic English หลักสูตรสำหรับคะแนนภาษาอังกฤษน้องๆไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเรียน Pathway โดยโปรแกรมนี้จะเป็นหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษสำหรับ เสริมทักษะภาษาอังกฤษทั่วไป และการใช้ภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการ
เรียนปอตรีที่อเมริกา ทำงาน part time ได้หรือไม่
ในกรณีที่อยู่ช่วงเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา น้องๆสามารถทำงานเสริมในประเทศอเมริกาได้ ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องถือวีซ่านักเรียน F-1 โดยผู้เรียนสามารถทำงาน Part-Time ได้ไม่เกิน 20 ชม./สัปดาห์ โดยจะเป็นการทำงานภายใต้มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่
เรียนจบปริญญาตรีที่อเมริกาแล้วทำงานต่อได้มั้ย
หากเรียนจบระดับปริญญาตรีและอยากทำงานต่อในประเทศอเมริกา น้องๆสามารถทำงานได้โดยการทำเอกสาร OPT (Optional Practical Training) ที่มี 3 ประเภทได้แก่
- Pre-Completion OPT ทำงานก่อนเรียนจบ 12 เดือน
- Post-Completion OPT ที่ทำงานหลังเรียนจบ 12 เดือน
- STEM Extension OPT สายทำงานที่เกี่ยวกับ STEM (Science,Technology,Engineering และ Math) 36 เดือน
โดยเงื่อนไขการยื่น OPT นั้นน้องๆจะต้องมีเวลา 90 หลังเรียนจบในการหางาน เมื่อหางานและบรรจุเป็นบุคคลในสถานที่ทำงานนั้นๆแล้วจะต้องยืนยันส่งใบ OPT นี้ให้กับองค์กร USCIS ของรัฐบาลอเมริกาเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เรียนปริญญาตรีที่อเมริกาค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
สำหรับการไปเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาในระดับมหาวิทยาลัยรัฐบาลนั้น ค่าเรียนเริ่มต้นอยู่ที่ 13,000-30,000 เหรียญต่อปี และมหาวิทยาลัยเอกชน อยู่ที่ประมาณ 18,000-40,000 เหรียญต่อปี โดยทาง Gent มีทุนสำหรับการไปเรียนปอตรีอเมริกาที่ครอบคลุมสถานศึกษารัฐบาลและเอกชนอีกด้วย โดยมี…
ทุน Fulbright ทุนขวัญใจนักเรียนนานาชาติเป็นทุนสำหรับนักศึกษาเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาที่มีคะแนนและเกรดเฉลี่ยดีเยี่ยม โดยทุนนี้มีค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายรายเดือน ไปจนถึงค่าประกันสุขภาพ
ทุน American University ทุนเต็มจำนวนที่ครอบคลุมการจ่ายทั้งค่าเล่าเรียน ตั๋วเครื่องบิน และรายจ่ายรายเดือน ภายใน 4 ปี ที่จำกัดให้เฉพาะนักศึกษาที่ไปเรียนปริญญาตรีอเมริกาที่มีผลเกรดเฉลี่ยที่ดีที่สุด และเมื่อเข้าระบบการเรียนปริญญาตรีในอเมริกาจะต้องทำเกรดที่ตรงตามทุนกำหนดไว้ และมีประวัติการทำกิจกรรมเพื่อสังคมอีกด้วย
ทุนของมหาวิทยาลัยแต่ละสถาบัน จะเป็นทุนบางส่วนที่จะช่วยแบ่งเบาในส่วนของค่าเรียน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีข้อกำหนดในการรับทุนการศึกษาที่แตกต่างกัน บางสถาบันจะให้ตลอดระยะเวลาเรียน 4 ปี และบางสถาบันอาจจะให้ทุน 1 ปี
สรุป
จากบทความที่น้องๆได้อ่านบทความมาทั้งหมดทำให้รู้ข้อดีว่าเรียนอเมริกาดีอย่างไร เพราะเป็นสถานที่ที่ควรแก่การให้น้องๆศึกษาต่อในปริญญาตรีเป็นอย่างมาก เนื่องจากวัฒนธรรมของประเทศอเมริกาเป็นดินแดนแห่งอิสระ ไม่จำกัดความคิดที่แตกต่างและเป็นสังคมที่มีหลายชนเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกัน ทำให้หลายต่อหลายเอเจนซี่แนะนำควรไปเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกามากที่สุด เพราะหลักสูตรของเขานั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นการศึกษาที่ดีที่สุดในระดับโลก แม้ขั้นตอนการเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาจะมีวิธีการที่ซับซ้อน แต่หากน้องๆอยู่ภายใต้การดูแลเอเจนซี่อย่าง Gent ทางพวกพี่จะช่วยดูแลขั้นตอนการไปเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกาให้สำเร็จและดูแลจนน้องๆจนจบหลักสูตร
หากน้องๆ ต้องการขอรับข้อมูลเพิ่มเติมในการวางแผนการเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา รวมถึงต้องการปรึกษาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวางแผนการศึกษาให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อกับพี่เบสท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท GENT ได้โดยตรงที่เบอร์ 062-656-5996
หรือสนใจ คอร์สเรียนอื่น ๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็น เรียนต่อปริญญาตรีที่อังกฤษ, เรียนต่อปริญญาตรีที่นิวซีแลนด์, เรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย