เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา
การเรียนโทอเมริกา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น้องๆสามารถมาฝึกเรียนภาษาอังกฤษที่นี่ได้เช่นกัน เพราะเนื่องจากการเรียนต่ออเมริกาเป็นประเทศชั้นนำทางด้านการศึกษาแล้ว อเมริกาเป็นประเทศเสรีที่ให้ผู้เรียนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในรัฐต่างๆที่มีภูมิอากาศที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว และด้วยอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก และมีมหาวิทยาลัยที่หลากหลาย ดังนั้น หากน้องๆมีแพลนที่จะเรียนโทอเมริกา สามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่มีค่าเรียน และค่าครองชีพตามงบประมาณที่นักเรียนตั้งไว้ และในการสมัครเรียนปริญญาโทที่อเมริกานั้น นักเรียนจะต้องเตรียมเอกสารในการสมัครให้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งทางพี่ๆ Gent จะมาช่วยเตรียมความพร้อมและแนะแนวการเตรียมตัวการไปเรียนโทอเมริกาให้อย่างเรียบร้อย รวมถึงดูแลน้องๆตั้งแต่เริ่มสมัครจนเรียนจบอย่างใส่ใจ ไม่ปล่อยให้เคว้งแน่นอน
ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่นักเรียนไทยมักนิยมไปเรียนต่อไม่ว่าจะเป็นในระดับเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา ปริญญาโท และเอก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำทั้งทางด้านการศึกษา เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย อีกทั้งยังมีจำนวนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม IVY League อาทิ Harvard, Browns, UPenn, Princeton หรือ Columbia เป็นต้น หรือแม้แต่ University ของรัฐต่างๆ ที่มีชื่อเสียงอาทิ University of California at Berkeley, University of California at Los Angles (UCLA), University of Texas at Austin, University of Washington, University of Colorado at Boulder อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย อาทิ Georgetown University, George Washington University, etc.
เรียนปริญญาโทอเมริกา เรียนอะไรดี ต้องรู้อะไรบ้าง
สาขาและมหาลัยที่อยากเรียน
น้องๆที่ต้องการเรียนโทอเมริกาควรเลือกเรียนสาขาที่ตนเองสนใจ และศึกษาคอร์สเรียนของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างละเอียดว่าใช่สิ่งที่เราต้องการเรียนหรือไม่ และควรศึกษาเอกสารในการสมัครเรียนปริญญาโทที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นใบจบการศึกษาปริญญาตรี, Transcript, ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ, ผลคะแนนอื่นๆ
เกรดเฉลี่ยจากปริญญาตรี
หากผู้เรียนอยากจะศึกษาเรียนโทอเมริกาในมหาวิทยาลัยชั้นนำนั้น ต้องดูเกรณ์ในการรับสมัคร โดยผู้เรียนจะต้องกรอกใบสมัคร พร้อมยื่นผลการเรียนตามที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด เช่น เกรดเฉลี่ย GPA อย่างน้อย 3.00 ขึ้นไป, ผลคะแนนสอบ GRE หรือ GMAT, ผลทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS หรือ TOEFL
ที่มีอายุไม่เกิน 2 ปีและผลคะแนนต้องไม่น้อยกว่าที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้
เอกสารที่ต้องเตรียม
เรียนต่ออเมริกาเตรียมอะไรบ้าง โดยทาง Gent ได้สรุปการเตรียมเอกสารเรียนปอโทที่ใช้ในการสมัครต่อการเตรียมตัวไปเรียนต่ออเมริกา โดยมี 7 อย่างด้วยกันได้แก่
- ทรานสคริปต์ (Transcript) ผลการเรียนของน้องๆในแต่ละเทอม ตลอดระยะเวลาที่เรียนปริญญาตรี
- ใบประกาศนียบัตรจบปริญญาตรีอย่างเป็นทางการ
- Letter of Recommendation 2-3 ฉบับ เป็นจดหมายกลางสะท้อนความเชื่อถือในตัวเราจากบุคคลที่เคยมีประสบการณ์ทำงาน สอน หรือร่วมการทำงานกับผู้สมัครเรียนโทอเมริกา
- Statement of Purpose (SOP) เอกสารฉบับย่อในการแนะนำตัวเองเพื่อนำเสนอกับทางมหาลัยในการประกอบการตัดสินใจเลือกผู้เรียนเข้ามาเรียนต่ออเมริกา
- คะแนนสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS / TOEFL ที่มีผลคะแนนตรงตามความต้องการของมหาลัยที่ผู้เรียนจะไปศึกษาเรียนโทอเมริกา
- ผลคะแนน GMAT / GRE (ขึ้นอยู่กับคอร์สเรียนและกำหนดของมหาวิทยาลัยที่ต้องการยื่น)
- CV/Resume สรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับอาชีพ คุณสมบัติ และการศึกษาของผู้เรียนโดยสังเขป
ค่าใช้จ่าย
การเรียนต่ออเมริกาสำหรับค่าใช้จ่ายระดับปริญญาโทของผู้เรียนที่จะศึกษาในมหาวิทยาลัยรัฐบาล เริ่มต้นที่ 17,000-30,000 เหรียญต่อปี และมหาวิทยาลัยเอกชน เริ่มต้นที่ 18,000-45,000 เหรียญต่อปี และค่ากินอยู่ และค่าใช้จ่ายทั่วไปของผู้เรียนอยู่ที่ราคา 7 แสนบาทต่อไป โดยค่าใช้จ่ายนี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับช่วงปิดเทอมของผู้เรียน โดยทาง Gent จะมีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้กับน้องๆ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยและรัฐที่นักเรียนเลือกที่จะไปเรียนโทอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกานั้นกลับมีจำนวนนักเรียนที่มีน้อยกว่าประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ด้วยความยุ่งยากในการรับสมัครเข้าเรียนต่อ อย่างไรก็ตาม การสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาก็เป็นอีกความท้าทายหนึ่งสำหรับนักเรียนไทยและมีจำนวนไม่น้อยเลยที่สามารถฟันฝ่าเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาได้ โดยพี่ๆ GENT จะขอสรุปขั้นตอนการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาให้เบื้องต้น ดังนี้
ขั้นตอนการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา
- คะแนน GPA: มหาวิทยาลัยที่อเมริกาจะดูคะแนน GPA เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา แต่จะมีความยืดหยุ่นในหาก GPA ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด แต่ต้องมีปัจจัยบวกอื่นๆ เพื่อมาชดเชย GPA ที่ไม่ถึงเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องๆ ที่เกรดไม่ดีเท่าไหร่นัก ก็ยังพอมีทางที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่อันดับดีๆ ได้ โดยการเข้าเรียนในหลักสูตร Graduate Pathway/ Pre Master เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าน้องๆ สามารถเรียนในหลักสูตรนั้นๆ และทำคะแนนได้ดี เมื่อจบการศึกษาหลักสูตร Pre Master แล้ว ก็สามารถเข้าเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่เรียนจบหลักสูตร Graduate Pathway/ Pre Master ได้ต่อไป
- ผลคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL: อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้ในการพิจารณาในการรับสมัครนักเรียนคือผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ในการเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา น้องๆ ควรมีคะแนน TOEFL ไม่ต่ำกว่า 80 - 100อย่างไรก็ตาม หากน้องๆ มีผลคะแนนภาษาอังกฤษที่ไม่ดีนัก แต่ใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการ ทางมหาวิทยาลัยอาจจะนำเสนอเป็น Conditional Offer ให้น้องๆ เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมหรือ Graduate Pathway/ Pre Master
- Standardized Tests: รวมถึงการสอบ GMAT สำหรับนักเรียน MBA หรือ Business การสอบ GRE สำหรับนักเรียนสายวิทยาศาสตร์อาทิ วิศวกรรมศาสตร์ การสอบ USMILE สำหรับนักเรียนแพทย์ และการสอบ LSAT สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนด้านกฎหมาย ซึ่งการสอบ Standardized Test เหล่านี้จะเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการใช้พิจารณาของทางมหาวิทยาลัย โดยจะสามารถใช้เป็นการชดเชยคะแนน GPA ที่ไม่สูงมากนักได้ ในกรณีที่น้องๆ สามารถทำคะแนนจากผลสอบ Standardized Test ได้อยู่ในระดับที่โดดเด่น
- Statement of Purpose: การเขียน Statement of Purpose เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยใช้ในการพิจารณา โดยจะดูทักษะภาษาอังกฤษในการเขียน แต่ที่สำคัญคือดูเนื้อหาและความตั้งใจในการเลือกเรียนสาขาวิชานั้นๆ ว่าสอดคล้องกับแผนการดำเนินชีวิตหรือการทำงานในอนาคตหรือไม่ อย่างไร ตลอดจนประสบการณ์การทำงาน ฝึกงาน วิชาเรียนที่ผ่านมา จะช่วยให้น้องๆ ประสบความสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด ยิ่งถ้า Statement of Purpose มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ ก็ยิ่งมีโอกาสที่น้องๆ จะได้รับการตอบรับมากขึ้นเท่านั้น (ดูข้อแนะนำในการเขียน SOP ได้ที่นี่ - Click)
- Recommendations: ปัจจัยสุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุดที่ทางมหาวิทยาลัยจะใช้ในการพิจารณาการสมัครคัดเลือกคือ Recommendation Letters จากอาจารย์หรือเจ้านายหากว่าผู้สมัครมีประสบการณ์การทำงาน โดยส่วนมาก มหาวิทยาลัยมากจะขอ Recommendation Letters 2 - 3 ฉบับ ทั้งนี้ใช้เป็นส่วนประกอบในการพิจารณาดูว่าอาจารย์หรือเจ้านายของผู้สมัครนั้นมีความเห็นอย่างไร และมีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนที่ผู้สมัครจะสามารถเรียนจบการศึกษาและประสบความสำเร็จในอนาคตต่อไปได้
- Working Experience: โดยมากแล้ว หากน้องๆ เรียนในสายวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา จะไม่ได้ Require ประสบการณ์การทำงาน ยกเว้น สายธุรกิจหรือหลักสูตร MBA (ใช้ประสบการณ์ประมาณ 2 - 5 ปี) อย่างไรก็ตาม หากน้องๆ มีประสบการณ์การทำงานซึ่งใกล้เคียงหรือตรงกับสายการเรียนที่เรากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทนั้น ก็จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญ (Add On Benefits) ในการที่จะทำให้โปรไฟล์ของน้องๆ มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นตัวสนับสนุนที่สำคัญเพื่อสนับสนุนว่าทำไมน้องๆ ถึงอยากมาเรียนสายการเรียนนี้
- Interview: สำหรับการเรียนต่อปริญญาโทในประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะ Require การสอบสัมภาษณ์กับผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจากปัจจัย 6 ข้อข้างต้นเพื่อนำคะแนนไปรวมและพิจารณาตัดสิน สำหรับการสอบสัมภาษณ์นี้เปรียบเสมือนเป็นดาบสองคม โดยสำหรับน้องๆ บางคน การสอบสัมภาษณ์ถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้อธิบายข้อด้อยของตนเอง หากแต่ในอีกด้านนึง ถ้าไม่สามารถที่จะอธิบายจุดด้อยของตัวเองได้ดีนัก ประกอบการทักษะการพูดภาษาอังกฤษไม่ดีนัก ก็อาจจะทำให้ทางมหาวิทยาลัยตัดสินไม่รับเลือกน้องๆ เข้าเรียนต่อ ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้ดีสำหรับการสอบสัมภาษณ์
FAQs คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียนโท อเมริกา
เกรดไม่ถึงเรียนต่อปริญญาโท อเมริกาได้ไหม
หากผู้เรียนที่สนใจอยากจะเรียนโทอเมริกา แต่มีเกรดเฉลี่ยไม่ถึงตามมหาลัยที่กำหนดไว้ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะทาง Gent ได้มีคอร์สเรียนเตรียมความพร้อมและปรับพื้นฐาน (Pre-Master) ก่อนไปเริ่มเรียนปริญญาโทให้กับน้องๆ โปรแกรมนี้จะเหมาะสำหรับน้องๆที่มีผลการเรียน หรือผลคะแนนภาษาอังกฤษที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ตามที่มหาวิยาลัยกำหนด โดยคอร์สนี้จะมีระยะเวลาเรียน 6-12 เดือน และหากสอบถามผ่านตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด น้องๆจะได้เข้าเรียนโทอเมริกาแน่นอน
ควรเรียนต่อเรียนต่อปริญญาโท อเมริกาช่วงอายุเท่าไหร่
ผู้เรียนสามารถเรียนต่ออเมริกาในช่วงอายุตั้งแต่ 20-40 ปี โดยบางมหาลัยจำกัดอายุผู้เข้าเรียนได้ไม่เกิน 45 ปี แต่บางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีกำหนดอายุในการเข้าเรียน
เรียนต่อปริญญาโท อเมริกาทำงานได้ไหม
เรียนอเมริกาทำอะไรบ้าง สามารถทำงานในช่วงเรียนโทอเมริกาได้ไหม หากผู้เรียนสนใจทำงานในช่วงเรียนปริญญาโทนั้น สามารถทำงานได้ ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องถือวีซ่านักเรียน F-1 โดยผู้เรียนสามารถทำงาน Part-Time ได้ไม่เกิน 20 ชม./สัปดาห์ โดยจะเป็นการทำงานภายใต้มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่
เรียนจบแล้วทำงานต่อได้ไหม
สามารถทำงานได้ โดยการยื่นเอกสาร OPT (Optional Practical Training) ที่มี 3 ประเภทได้แก่
- Pre-Completion OPT ทำงานก่อนเรียนจบ 12 เดือน
- Post-Completion OPT ที่ทำงานหลังเรียนจบ 12 เดือน
- STEM Extension OPT สายทำงานที่เกี่ยวกับ STEM (Science,Technology,Engineering และ Math) 36 เดือน
ให้ทางผู้เรียนยื่นให้กับทางรัฐที่ USCIS ก่อนและมีเวลาหางานภายใน 90 วันหลังเรียนจบ และ โดยทางผู้เรียนสามารถกำหนดวันทำงานได้ 60 วันหลังเรียนจบ
ข้อมูลข้างต้น เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หากน้องๆ ต้องการขอรับข้อมูลเพิ่มเติมการวางแผนการเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงต้องการปรึกษาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญวางแผนการศึกษาให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อกับพี่เบสท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท GENT ได้โดยตรงที่เบอร์ 062-656-5996